ไขข้อสงสัย กัญชารักษามะเร็งได้จริงหรือไม่

ความเชื่อที่หลายคนคิดว่ากัญชาสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ ถึงแม้จะเป็นความเชื่อที่ยังไม่ถูกต้องมากนัก และก็ไม่ผิดทั้งหมด เพราะการศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับพืชชนิดนี้กับโรคมะเร็งกำลังอยู่ในช่วงทดลอง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าในอนาคตเราจะสามารถใช้พืชชนิดนี้เพื่อรักษาโรคมะเร็งได้ในบางชนิด เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะพืชชนิดนี้ออกฤทธิ์ต่อสิ่งมีชีวิตโดยตรง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะวิจัยเพื่อสกัดยารักษาอาการของโรคมะเร็ง เราลองมาศึกษาพร้อมกันว่าก่อนที่จะผลิตยารักษามะเร็งได้ จะต้องมีกระบวนการอะไรบ้าง เพื่อความปลอดภัยก่อนนำมาใช้กับมนุษย์

กระบวนการเพื่อผลิตยาสำหรับรักษามะเร็ง โดยใช้กัญชา

กระบวนการเพื่อผลิตยาสำหรับรักษามะเร็ง โดยใช้กัญชา

ดังที่ได้กล่าวไปว่ากัญชาเป็นพืชที่ออกฤทธิ์ต่อสิ่งมีชีวิตโดยตรง จึงมีความเหมาะสมที่จะนำมาศึกษาและวิจัยเพื่อสกัดเป็นยารักษาโรคมะเร็งในอนาคต ซึ่งกระบวนการที่แพทย์ทำการศึกษานั้นไม่ใช่เพื่อการรักษามะเร็งเท่านั้น แต่ยังเพื่อสกัดเป็นยาสำหรับเคมีบำบัดด้วย โดยการศึกษาเริ่มต้นจากการนำพืชมาสกัดให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะนำมาทดลองกับเซลล์มะเร็งแต่ละชนิดว่าจะมีผลอย่างไร

และหากพบว่าสารสกัดกัญชาบริสุทธิ์สามารถทำลายเซลล์มะเร็งได้ จะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนทดลองในสัตว์ทดลอง ว่าจะให้ผลอย่างไรเมื่อเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิต หากผลการตอบสนองต่อสัตว์ออกมาได้ผลดี จึงเริ่มเข้าสู่กระบวนการทดลองกับอาสาสมัครที่เป็นผู้ป่วยมะเร็งชนิดที่ยังไม่มีทางรักษาได้ในปัจจุบัน และผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มอาสาสมัครนั้นจะต้องยินดีรับการรักษาด้วยยาตัวใหม่โดยที่ไม่มีการบังคับ

จนเมื่อพบว่าการทดลองในอาสาสมัครกลุ่มแรกให้ผลดี จึงเข้าสู่การรักษาในอาสาสมัครอีกหนึ่งกลุ่มเพื่อทดลองประสิทธิภาพของยาว่ามีศักยภาพมากน้อยเพียงใด เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันที่มีอยู่ จนกระทั่งผลทั้งหมดที่ทดลองมาประสบความสำเร็จทั้งหมด รวมถึงสามารถระบุผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ชัดเจน จึงจะได้รับการยอมรับและนำไปขึ้นทะเบียนยาสำหรับรักษาผู้ป่วย ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้จะต้องใช้เวลาอีกหลายปี

ถึงจะยังไม่เป็นยารักษามะเร็ง แต่กัญชาก็ใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดได้

ถึงจะยังไม่เป็นยารักษามะเร็ง แต่กัญชาก็ใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดได้

ถึงแม้ว่ากัญชายังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและทดลองเพื่อสกัดและผลิตเป็นยารักษามะเร็งในอนาคต แต่พืชกัญชาก็ถูกนำมาเพื่อรักษาอาการข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัดได้ดีดังต่อไปนี้

1. บรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน
พืชกัญชาสามารถนำอนุพันธ์ของสาร THC มาสังเคราะห์เป็นสาร Nabilone และ Dronabinol ซึ่งมีการทดลองและยืนยันว่าสาร Nabilone มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดได้ดี ซึ่งสารชนิดนี้ได้รับการอนุมัติและเริ่มใช้ในประเทศแคนาดาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 แล้ว และสำหรับสาร Dronabinol ซึ่งมีประสิทธิภาพเหมือนกับสาร Nabilone ก็ได้รับการอนุมัติจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในประเทศไทยได้เริ่มสกัดสารทั้ง 2 ชนิดนี้ และทดลองใช้กับผู้ป่วยบางรายและพบว่าสามารถลดอาการข้างเคียงเหล่านี้ได้จริง

2. ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและเอดส์มีความอยากอาหารมากขึ้น
สรรพคุณของสาร THC ช่วยให้ผู้ป่วยทั้งโรคมะเร็งและโรคเอดส์มีความอยากรับประทานอาหารมากขึ้น และเมื่อร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ก็จะฟื้นฟูภูมิต้านทานช่วยให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้น

3. ระงับอาการปวด
สาร THC ของพืชกัญชามีฤทธิ์ต่อระบบประสาทและสมองโดยตรง จึงช่วยระงับอาการปวดทรมานจากโรคมะเร็งได้ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถนอนหลับพักผ่อนได้ดี ยังช่วยฟื้นฟูจิตใจให้มีความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นได้ด้วย

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าสาร THC และ CBD ในพืชกัญชาจะสามารถระงับอาการข้างเคียงต่าง ๆ จากการทำเคมีบำบัด และระงับอาการปวดจากโรคมะเร็งได้ดี แต่ผู้ป่วยควรได้รับยาภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นโรคที่มีความซับซ้อน และจะต้องใช้ยาชนิดอื่นร่วมด้วย ผู้ป่วยจึงไม่ควรหากัญชามาใช้เสริมด้วยตัวเอง