ความเชื่อตกยุคของกัญชา

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ความเชื่อสาธารณะก็ควรได้รับการปรับความเข้าใจตาม โดยเฉพาะเรื่องของกัญชา ที่ถึงแม้กระแสการปลดล็อกจะเริ่มซาไปแล้ว แต่ความเชื่อเกี่ยวกับอดีตที่เคยเป็นยาเสพติดมาก่อนก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของใครอีกหลายคน ในบทความนี้เราจึงควรมาปรับความเข้าใจเกี่ยวกับพืชชนิดนี้กันใหม่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยและตรงกับข้อเท็จจริง โดยความเชื่อดั้งเดิมที่ควรได้รับการแก้ไขมีดังต่อไปนี้

ปรับความเข้าใจเกี่ยวกับพืชกัญชา เปิดรับความรู้สู่การเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ

ปรับความเข้าใจเกี่ยวกับพืชกัญชา เปิดรับความรู้สู่การเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ

ในขณะที่พืชกัญชาถูกจัดให้เป็นยาเสพติด ประเทศของเราก็ใช้ช่วงเวลานั้นเพื่อการศึกษาและวิจัยจนได้ทราบถึงสรรพคุณทางยา ที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม และพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวทันประเทศอื่น ๆ จนนำไปสู่การปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติด จึงถึงเวลาที่จะเปลี่ยนความเชื่อเดิม ๆ ของพืชชนิดนี้ให้ทันสมัย สมกับเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้รักษาและเยียวยาอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ นั่นคือ

1. กัญชาก่อให้เกิดอาชญากรรม
มีความเชื่อว่าผู้ที่เสพกัญชาจะทำให้ประสาทหลอนจนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง และนำไปสู่การก่ออาชญากรรมในที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว พืชชนิดนี้มีสารเมา หรือ THC ซึ่งออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและสมอง ส่งผลทางอารมณ์โดยตรง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไร้ความตึงเครียด อีกทั้งยังเป็นสารที่ไม่ก่อให้เกิดอาการคึกคะนอง ซึ่งทางกฎหมายได้ระบุถึงปริมาณสาร THC ที่ร่างกายควรได้รับไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรเกิน 0.2% จึงพอจะสรุปได้ว่า การบริโภคพืชชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งจนเป็นสาเหตุของการก่ออาชญากรรม หากใช้อย่างเหมาะสม

2. กัญชานำไปสู่การเสพติดสารประเภทอื่นที่ร้ายแรงกว่า
แน่นอนว่าต้องมีผู้ที่คิดว่าพืชชนิดนี้จะนำไปสู่การเสพติดสารชนิดอื่นที่มีความรุนแรงมากกว่า เช่นเดียวกับในยุคหนึ่งเรามีความเชื่อว่าการสูบบุหรี่นำไปสู่การเสพติดสารชนิดอื่น ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ที่เสพติดสารชนิดอื่นที่มีความรุนแรง กลับพบว่าบางคนมีประวัติบริโภคกัญชาร่วมด้วย แต่ในบางคนกลับไม่เคยบริโภคมาก่อน เช่นเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่บางคนดื่มเหล้าร่วมด้วย แต่บางคนกลับไม่ดื่มเหล้า เรื่องนี้จึงขาดความเชื่อมโยงที่ชัดเจนว่าพืชกัญชานำไปสู่การเสพติดสารชนิดอื่นที่มีความรุนแรงมากกว่า

3. กัญชานำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอุบัติเหตุทางรถยนต์
เป็นความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในสังคมเมื่อเปิดกัญชาเสรีว่า ปริมาณอุบัติเหตุทางรถยนต์จะเพิ่มมากขึ้น เพราะกัญชามีฤทธิ์หลอนประสาท ในข้อนี้ทางกฎหมายได้ควบคุมและชัดเจนเรื่องของปริมาณสารเมาที่ร่างกายควรได้รับ และในทางปฏิบัติแล้ว แม้ในผู้ที่บริโภคกัญชาเกินขนาดที่กำหนด คือเกิน 4 ใบต่อวัน ก็มักจะมีอาการเคลิบเคลิ้ม อยากพักผ่อน และต้องการนอนหลับมากกว่าการคึกคะนองอยากออกไปขับรถ เพราะนอกจากสาร THC ที่ส่งผลต่อประสาทแล้ว พืชชนิดนี้ยังมีสาร CBD หรือสารต้านเมา ที่ออกฤทธิ์บรรเทาอาการปวด ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายรู้สึกเบาสบาย ผู้ที่บริโภคกัญชาจนเกินขนาดจึงอยู่ในสภาวะที่เมาหลับมากกว่าที่จะออกไปขับรถ

ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นความเชื่อที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับพืชกัญชา แต่ผู้บริโภคเองก็ควรมีความระมัดระวังในการใช้พืชสมุนไพรชนิดนี้ เมื่อทราบว่ารับประทานใบกัญชาเกิน 4 ใบ ก็ควรหยุดพักนั่งหรือนอนสัก 4-6 ชั่วโมงก่อนขับรถ หรือเพื่อความไม่ประมาทก็ควรบริโภคพืชชนิดนี้ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้เกิดฤทธิ์ทางยา รักษาสุขภาพ และผ่อนคลายจิตใจ